(...ภาคต่อมา...)
ผลกระทบที่เกิดจาก Convective Clouds
ซึ่งจะเริ่มในประมาณเดือน พฤษภาคม (กำลังใกล้จะมาถึงอีกแล้ว) พายุฝนฟ้าคะนอง
ที่เกิดจากการก่อตัวของเมฆที่ก่อตัวในทางตั้ง ( Convective Clouds ) มักปรากฏขึ้น
ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ถึงด้านตะวันตก ของกรุงเทพมหานคร รวมทั้งบริเวณ
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจะเคลื่อนที่เข้ามากระทบถึงในช่วงบ่าย-ค่ำ
- จากภาพด้านบนจะบอกอะไรแก่เราได้บ้าง?
เคลื่อนตัวมาทางตะวันออกเข้าสู่กรุงเทพฯชั้นใน และมีผลกระทบถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้
- ดูภาพถัดไปด้านล่าง ก็จะเป็นคำตอบ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
ทิศทางการเคลื่อนตัวของกลุ่มฝนฟ้าคะนองจะมีผลกระทบถึงเขตท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า โดยจะมีกระแสลมกระโชกแรง ( Gust Front ) โดยคาดว่าจะเป็นกระแสลมในทิศตะวันตก ( Westerly Wind )ถึงตะวันตกเฉียงเหนือเฉียงเหนือ ( North-westerly Wind ) มาเป็นลำดับแรก ก่อนที่จะตามมาด้วยฝนฟ้าคะนองกำลังแรง ( Heavy Thunderstorm Rain ) ในลำดับต่อไป
- บ่งบอกคุณลักษณะกลุ่มฝนได้อย่างไรบ้าง
![]() | ||||
รูปที่1 ภาพผลการตรวจชนิด PPI-Intensity |
เมื่อเรดาร์ตรวจอากาศ ทำการตรวจพบกลุ่มฝนปรากฏขึ้นในบริเวณใดๆแล้ว เราจะสามารถรู้ต่อไปได้อย่างไร ถึงคุณลักษณะของกลุ่มฝนนั้นๆ ว่าอยู่ในสถานะใด มีแนวโน้มต่อไปอย่างไร ดังภาพด้านล่างนี้ จะพบกลุ่มฝนในพื้นที่เขตติดต่อระหว่าง จ.ชลบุรี กับ จ.ฉะเชิงเทรา
ภาพผลการตรวจชนิดที่เรียกว่า PPI-Intensity ( รูปที่ 1 ) เราจะสามารถบอกได้ว่ามีฝนกำลังอ่อนถึงปานกลาง ตกอยู่ในพื้นที่ที่ภาพแสดงผลการสะท้อนของสัญญาณออกมาเป็นเฉดสี เขียว-เหลือง (ฝนกำลังอ่อนถึงปานกลาง) แต่ไม่อาจจะรู้ต่อไปได้ว่า ฝนกลุ่มนี้มีคุณสมบัติ เป็นอย่างไรในช่วงถัดจากนี้ไป 1-2 ชั่วโมงข้างหน้า เช่น จะเคลื่อนตัวไปทิศทางไหน มีแนวโน้มการพัฒนาอย่างไร (กำลังแรงขึ้นหรือ อ่อนกำลังลง)
แต่หากว่าเรามีภาพผลการตรวจชนิดที่เป็น PPI-Velocity (รูปที่ 2 ) มาประกอบด้วยแล้ว เราจะสามารถบ่งบอกถึงคุณลักษณะ ของกลุ่มฝนนั้นได้มากขึ้นกว่าเดิม อย่างชัดเจน ว่ากลุ่มฝนนี้มีสถานะเป็นเช่นไร มีแนวโน้มไปอย่างไร
![]() |
รูปที่2 ภาพผลการตรวจชนิด PPI-Velocity |
![]() |
รูปที่3 ภาพผลการตรวจชนิด PPI-Intensity |
![]() |
รูปที่5 ภาพผลการตรวจชนิด PPI-Intensity |
หรือหากเป็นไปได้จะมีภาพผลการตรวจอีกชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ได้อย่างดีก็คือ การตรวจแบบ RHI ( Range Height Indicator) ซึ่งจะทำให้ทราบถึงลักษณะโครงสร้างภายในกลุ่มเซลฝนได้อย่างชัดเจน
สำหรับนักพยากรณ์อากาศการบินแล้ว เมื่อวิเคราะห์ผลการตรวจสภาวะฝนด้วยเรดาร์ตรวจอากาศได้อย่างเข้าใจแล้วสามารถจะทำการคาดหมายแนวโน้มสำหรับพื้นที่สนามบินได้อย่างทันเหตุการณ์ ดังแสดงตามกรณีตัวอย่างเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2550
![]() |
รูปที่6 แนวกระแสลมกระโชกจากการตรวจกลุ่มฝนในโหมด Velocity เมื่อ วันที่ 31 กรกฎาคม 2550 เวลา 10:50 UTC |
ในรูปที่6 จะเห็นว่าจากผลการตรวจสภาวะฝนด้วยเรดาร์ตรวจอากาศ ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2550 เวลา 10:50 UTC
วิเคราะห์ได้เป็นกลุ่มฝนฟ้าคะนองปกคลุมพื้นที่ กรุงเทพฯ ชั้นใน
รวมไปถึงเขตปริมณฑล ด้านทิศตะวันตกถึงตะวันตกเฉียงเหนือของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากภาพการตรวจ
กลุ่มฝนในโหมด Velocity
จะวิเคราะห์ได้ถึงแนวของลมกระโชกแรงด้านหน้าเซลล์กลุ่มฝนเป็นแนวยาวเล็กๆ
(ตามแนวแถบเขียวที่ทำให้ชัดเจนขึ้น) เราสามารถทำการคาดหมายได้ว่า
ในช่วงเวลาต่อไปจากนี้ จะมีกระแสลมกระโชก ( Gust Front )
มากระทบถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยที่น่าจะเป็นลมในทิศทางด้านตะวันตกถึงตะวันตกเฉียงเหนือ อย่างแน่นอนโดยออกพยากรณ์ลักษณะอากาศปัจจุบันต่อท้ายรายงานการตรวจอากาศประจำสนามบินของเจ้าพนักงานอุตุนิยมวิทยาการบิน ต่อท้ายรายงานผลการตรวจอากาศ ในเวลา 1100 UTC
ซึ่งสภาพอากาศเดิมที่เห็นว่ามีลมฝ่ายใต้พัดปกคลุมในพื้นที่สนามบินอยู่ เพื่อเป็นการแจ้งเตือนให้แก่นักบินและผู้ปฏิบัติงานด้านการบินโดยผ่านการสื่อสารเครือข่าย AFTN ของบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยได้ทราบต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก